การประกาศบุกตลาดในเมืองไทยเต็มตัวเป็นครั้งแรก ณ งาน Bangkok Motor Show
เมื่อปลายเดือนมีนาคม 2008 คือจุดเริ่มต้นของ ทาทา ในเมืองไทยอย่างเป็นทางการ
แม้ว่าจะเตรียมงานกันมาก่อนหน้านั้นถึง 2 ปีด้วยกัน แต่ ตลอดเวลา 2 ปีที่ผ่านมา
ดูเหมือนว่า ทาทาเอง ยังต้องเรียนรู้อีกมาก ในการพัฒนารถยนต์ ที่ถูกรสนิยมของคนไทย
เพราะรถกระบะ ซีนอน ที่ออกมาในช่วงแรกๆนั้น แม้จะมีจุดเด่นอยู่ที่เครื่องยนต์ DICOR
2,200 ซีซี แต่ให้กำลังสูงถึง 140 แรงม้า และมีระบบกันสะเทือนที่ทำได้ดีเมื่อเทืยบกับคู่แข่ง
แต่ด้วยมีปัญหามากมายนานับประการ ทั้งจากชิ้นส่วนในการประกอบของตัววรถเอง และ
ความไว้เนื้อเชื่อใจในผู้จำหน่าย กับบริการหลังการขาย ทำให้ การเริ่มต้นของ ทาทา
ยังไม่สู้ดีนัก แม้ในช่วงปลายปี จะกระตุ้นตลาดอีกครั้ง ด้วย เวอร์ชัน ติดตั้งระบบก๊าซ CNG
มาให้จากโรงงาน และเติมก๊าซได้อย่างเดียว ด้วยเครื่องยนต์ DICOR 2,100 ซีซี ลดกำลังลงเหลือ
115 แรงม้า รวมทั้ง ออกรถบรรทุกเล็กอย่าง ทาทา เอซ (ACE ในงาน มอเตอร์เอ็กซ์โป
แล้วก็ตาม แต่สถานการณ์ ก็ยังไม่ดีขึ้นมากนัก ขณะเดียวกันบริษัทแม่ในอินเดีย ก็เจอมรสุม
การประท้วง จนทำให้ ราทัน ทาทา นายใหญ่ ประกาศย้ายฐานการผลิต ทาทา นาโน รถคันจิ๋ว
แต่อัดแน่นด้วยเทคโนโลยีขั้นเทพ 20 กว่าสิทธิบัตร ของตน ไปไว้ในเมืองอื่น เพื่อยุติปัญหา
ความรุนแรง
ปี 2009 ที่ผ่านมา นอกจากจะเปิดตัว รถบรรทุกขนาด 1 ตัน ทาทา เอซ (ACE) ที่จะเอามา
ประกบกับ เกีย K2700 และ ฮุนได H-100 แล้ว ทาทา ก็แทบไม่มีรถยนต์รุ่นใหม่อื่นใดอีกเลย
ความเคลื่อนไหวที่เด่นชัดสุด คือการนำ Tata Nano รถเล็กสุดฮือฮา กับ 37 สิทธิบัตรนวัตกรรม
มาอวดโฉมในงาน Motor Expo ต้นเดือนธันวาคมที่ผ่านมา กระนั้น ก็ยังมีคำถามว่า รถรุ่นนี้
จะเอาเข้ามาผลิตขายในบ้านเรา ตามโครงการ ECO Car หรือเปล่า? เพราะ ทาทา เองก็ยื่นขอ
รับสิทธิพิเศษ ส่งเสริมการลงทุน รถยนต์ประเภทนี้ไปกับทางรัฐบาลแล้ว ที่ผ่านมา มีคำถาม
หยั่งกระแสกันในอินเตอร์เน็ตอยู่เรื่อยๆว่า ถ้านำ Tata Nano Europa อันเป็นเวอร์ชันส่งขาย
ยุโรป ที่มีมาตรฐานความปลอดภัยสูงกว่าเวอร์ชันอินเดียแท้ๆ มีถุงลมนิรภัยมาให้ฝั่งคนขับ
แต่เป็นดรัมเบรกทั้ง 4 ล้อ ขายในราคา 220,000 บาท คนไทยจะรับได้หรือไม่ ผลตอบกลับที่ได้
ส่วนใหญ่ก็คือ รถคันนี้ไม่ควรมีราคาเกิน 2 แสนบาท และอย่างน้อย ควรมีดิสก์เบรกหน้า
ได้แล้ว ไม่ใช่ดรัมเบรก 4 ล้อ ดังนั้น ประเด็นนี้ จึงยังคาราคาซังกันต่อไปน่าจะอีกอย่างน้อย 1 ปี
อย่างไรก็ตาม อีกกระแสข่าวฝั่งอื่น ต่างมองว่า ทาทา อาจจะกำลังซุ่มพัฒนารถยนต์ขนาดเล็ก
รุ่นใหม่ๆ ที่จะต้องเตรียมบุกตลาดโลก และหวังจะใช้เมืองไทย เป็นฐานการผลิตรถรุ่นใหม่
ซึ่งคาดว่าจะมีขนาดอยู่ในกลุ่ม ไม่เกิน Sub-Compact B-Segment ก่อนหน้านี้ มีเพียงข่าวที่ว่า
จะนำรถรุ่น Indica กับ Indico เครื่องยนต์ 1.4 ลิตร เข้ามาประกอบขาย ในเมืองไทย
แต่จนถึงตอนนี้ ยังไม่มีความเคลื่อนไหว ในประเด็นดังกล่าวออกมาชัดเจนเท่าใดนัก
มีเพียงแค่ การประกาศตัวแล้วว่า ในช่วงต่อจากนี้ จะพยายามเน้นวางจุดขายตัวเองเป็น
Commercial Vehicle Brand หรือเป็นแบนด์ที่มุ่งเน้นเจาะตลาดรถเพื่อการพาณิชย์ เป็นหลัก
จะสำเร็จลุล่วงไปได้แค่ไหนอย่างไร จะสนุกสนาน ไม่แพ้ หนังอินเดีย ที่แดนซ์ข้ามภูเขา
กันสนั่นทุ่ง หรือไม่ ยังต้องติดตามชมกันต่อไปอีกนาน
แม้ว่าจะเตรียมงานกันมาก่อนหน้านั้นถึง 2 ปีด้วยกัน แต่ ตลอดเวลา 2 ปีที่ผ่านมา
ดูเหมือนว่า ทาทาเอง ยังต้องเรียนรู้อีกมาก ในการพัฒนารถยนต์ ที่ถูกรสนิยมของคนไทย
เพราะรถกระบะ ซีนอน ที่ออกมาในช่วงแรกๆนั้น แม้จะมีจุดเด่นอยู่ที่เครื่องยนต์ DICOR
2,200 ซีซี แต่ให้กำลังสูงถึง 140 แรงม้า และมีระบบกันสะเทือนที่ทำได้ดีเมื่อเทืยบกับคู่แข่ง
แต่ด้วยมีปัญหามากมายนานับประการ ทั้งจากชิ้นส่วนในการประกอบของตัววรถเอง และ
ความไว้เนื้อเชื่อใจในผู้จำหน่าย กับบริการหลังการขาย ทำให้ การเริ่มต้นของ ทาทา
ยังไม่สู้ดีนัก แม้ในช่วงปลายปี จะกระตุ้นตลาดอีกครั้ง ด้วย เวอร์ชัน ติดตั้งระบบก๊าซ CNG
มาให้จากโรงงาน และเติมก๊าซได้อย่างเดียว ด้วยเครื่องยนต์ DICOR 2,100 ซีซี ลดกำลังลงเหลือ
115 แรงม้า รวมทั้ง ออกรถบรรทุกเล็กอย่าง ทาทา เอซ (ACE ในงาน มอเตอร์เอ็กซ์โป
แล้วก็ตาม แต่สถานการณ์ ก็ยังไม่ดีขึ้นมากนัก ขณะเดียวกันบริษัทแม่ในอินเดีย ก็เจอมรสุม
การประท้วง จนทำให้ ราทัน ทาทา นายใหญ่ ประกาศย้ายฐานการผลิต ทาทา นาโน รถคันจิ๋ว
แต่อัดแน่นด้วยเทคโนโลยีขั้นเทพ 20 กว่าสิทธิบัตร ของตน ไปไว้ในเมืองอื่น เพื่อยุติปัญหา
ความรุนแรง
ปี 2009 ที่ผ่านมา นอกจากจะเปิดตัว รถบรรทุกขนาด 1 ตัน ทาทา เอซ (ACE) ที่จะเอามา
ประกบกับ เกีย K2700 และ ฮุนได H-100 แล้ว ทาทา ก็แทบไม่มีรถยนต์รุ่นใหม่อื่นใดอีกเลย
ความเคลื่อนไหวที่เด่นชัดสุด คือการนำ Tata Nano รถเล็กสุดฮือฮา กับ 37 สิทธิบัตรนวัตกรรม
มาอวดโฉมในงาน Motor Expo ต้นเดือนธันวาคมที่ผ่านมา กระนั้น ก็ยังมีคำถามว่า รถรุ่นนี้
จะเอาเข้ามาผลิตขายในบ้านเรา ตามโครงการ ECO Car หรือเปล่า? เพราะ ทาทา เองก็ยื่นขอ
รับสิทธิพิเศษ ส่งเสริมการลงทุน รถยนต์ประเภทนี้ไปกับทางรัฐบาลแล้ว ที่ผ่านมา มีคำถาม
หยั่งกระแสกันในอินเตอร์เน็ตอยู่เรื่อยๆว่า ถ้านำ Tata Nano Europa อันเป็นเวอร์ชันส่งขาย
ยุโรป ที่มีมาตรฐานความปลอดภัยสูงกว่าเวอร์ชันอินเดียแท้ๆ มีถุงลมนิรภัยมาให้ฝั่งคนขับ
แต่เป็นดรัมเบรกทั้ง 4 ล้อ ขายในราคา 220,000 บาท คนไทยจะรับได้หรือไม่ ผลตอบกลับที่ได้
ส่วนใหญ่ก็คือ รถคันนี้ไม่ควรมีราคาเกิน 2 แสนบาท และอย่างน้อย ควรมีดิสก์เบรกหน้า
ได้แล้ว ไม่ใช่ดรัมเบรก 4 ล้อ ดังนั้น ประเด็นนี้ จึงยังคาราคาซังกันต่อไปน่าจะอีกอย่างน้อย 1 ปี
อย่างไรก็ตาม อีกกระแสข่าวฝั่งอื่น ต่างมองว่า ทาทา อาจจะกำลังซุ่มพัฒนารถยนต์ขนาดเล็ก
รุ่นใหม่ๆ ที่จะต้องเตรียมบุกตลาดโลก และหวังจะใช้เมืองไทย เป็นฐานการผลิตรถรุ่นใหม่
ซึ่งคาดว่าจะมีขนาดอยู่ในกลุ่ม ไม่เกิน Sub-Compact B-Segment ก่อนหน้านี้ มีเพียงข่าวที่ว่า
จะนำรถรุ่น Indica กับ Indico เครื่องยนต์ 1.4 ลิตร เข้ามาประกอบขาย ในเมืองไทย
แต่จนถึงตอนนี้ ยังไม่มีความเคลื่อนไหว ในประเด็นดังกล่าวออกมาชัดเจนเท่าใดนัก
มีเพียงแค่ การประกาศตัวแล้วว่า ในช่วงต่อจากนี้ จะพยายามเน้นวางจุดขายตัวเองเป็น
Commercial Vehicle Brand หรือเป็นแบนด์ที่มุ่งเน้นเจาะตลาดรถเพื่อการพาณิชย์ เป็นหลัก
จะสำเร็จลุล่วงไปได้แค่ไหนอย่างไร จะสนุกสนาน ไม่แพ้ หนังอินเดีย ที่แดนซ์ข้ามภูเขา
กันสนั่นทุ่ง หรือไม่ ยังต้องติดตามชมกันต่อไปอีกนาน
แต่วันที่ 2.2.2011 เห็น Tata Nano ป้ายแดงวิ่งแถว บางนาซอย ABAC ไม่รู้รถใครเอามาอวด