30 กันยายน 2554

มาดู กระบะ FORD RANGER ตัวใหม่ กันเต็มๆๆตา













7/11/2010 : Update รูปจริงของ FORD กระบะ ที่จะเปิดตลาดในประเทศไทยเป็นที่แรกในโลก ต่อจากนั้น จะเปิดตัวที่ อเมริกาใต้ ต่อไป ในประเทศจะออกสู่ตลาตประมาณเดือน เมษายน 2554 รอดูกันนะครับสวยเท่สุดเป็นกระบะ 1.5 ตันคันแรกในเมืองไทย
FORD ยังลงทุนเปิดโรงงานในประเทศไทยด้วยมูลค่ากว่าหมื่นล้านบาท และปิดโรงงานที่ฟิลิฟินเป็นที่เรียบร้อยแล้ว
-----------------------------------------------------------------------------------------------
วันนี้เอาข้อมูล Ford กระบะตัวใหม่มาเราสู่กันฝัง ช่วงนี้ Ford ระดมออกรถรุ่นใหม่ๆมาตอบสนองความต้องการของลูกค้าอย่างต่อเนื่อง ในขณะที่ รถยนต์ค่ายอื่นแค่เปลี่ยนโฉมให้ดูแตกต่าง
เนื่องจากผู้บริหารรุ่นใหม่ของ Ford หลังจากรับเงินสนันสนุน จาก USA แล้วก็วิ่งสุ้ตลาดเปลี่ยนวิกฤตให้เป็นโอกาศ โดยว่างแผนส่งรถกระบะตัวใหม่ ใช้รหัสในการ develoment ว่า T6 เป็นรถขนาดใหญ่ที่นิยมใช้ใน USA คาดว่าจะมีเครื่องยนต์ขนาดยักต์ 3500 cc. ดีเซล แผนเปิดตัวในประเทศไทยประมาณ ต้นปี 2011 มี 3 รุ่นหลัก CAB.DB-CAB. และ 4 ประตู

05 กันยายน 2554

มาแล้วภาพ Dmax-2011 ที่จะวางตลาดเร็ววันนี้พร้อมราคา


















All New Isuzu D-MAX อีซูซุโฉมใหม่
ราคาจำหน่าย
• Isuzu D-MAX V-Cross 2 ประตู ราคา 732,000 - 813,000 บาท
• Isuzu D-MAX V-Cross 4 ประตู ราคา 808,000 - 994,000 บาท
• Isuzu D-MAX Hi-Lander 2 ประตู ราคา 658,000 - 778,000 บาท
• Isuzu D-MAX Hi-Lander 4 ประตู ราคา 738,000 - 922,000 บาท
• Isuzu D-MAX Cab 4 ราคา 635,000 - 707,000 บาท
• Isuzu D-MAX Space Cab ราคา 562,000 - 671,000 บาท
• Isuzu D-MAX Spark ราคา 465,000 - 535,000 บาท

ในปี 2011 หรือปี 2554 นี้มีรถกระบะกำลังจะเปิดตัวหลายรุ่นด้วยกันรวมถึงค่าย Isuzu ด้วยซึ่งได้เปิดตัว Isuzu D-Max 2011 อีซูซุดีแมคซ์โฉมใหม่ทั้งคันซึ่งจะเข้ามาจำหน่ายอย่างเป็นทางการปลายปีนี้แน่นอน โดยจะมีทั้งรุ่นประตูเปิดแบบตู้กับข้าว ทั้งแบบแค๊บเปิดได้
Isuzu D-Max 2011 อีซูซุดีแมคซ์ใหม่ปี 2554
จากแหล่งข่าววงในอุตสาหกรรมและชิ้นส่วนยานยนต์ว่า ขณะนี้ค่ายรถยนต์รายใหญ่ Isuzu เตรียมปรับโฉมกระบะของค่ายทั้งภายนอกและภายในใหม่ทั้งหมด โดยเน้นตอบโต้คู่แข่งด้วยการเพิ่มความสปอร์ตเข้าไปในตัวรถ และมีความเชื่อด้วยว่ารุ่นประตูตู้กับข้าว หรือตัวถังแบบแค๊บเปิดได้นั้น อาจได้รับการเพิ่มมาเป็นทางเลือกสำหรับลูกค้าในโฉมนี้
Isuzu D-Max 2011 อีซูซุดีแมคซ์ใหม่ปี 2554
ในขณะที่เรื่องเครื่องยนต์นั้นยังเชื่อว่า อีซูซุจะยังคงเครื่อง 3.0 และ 2.5 ลิตรที่ได้รับความนิยมจากผู้บริโภค โดยไม่น่ามีการปรับเปลี่ยน แต่ทางด้านการตอบสนองในความสะดวกการขับขี่ด้วยระบบนำทาง I-Geni พร้อมกล้องมองหน้าและถอยหลังคาดว่าจะยังมีเหมือนเคย

07 สิงหาคม 2554

New Vigo toyota champ และ ราคา




โตโยต้า เปิดตัวรถกระบะยอดนิยมรุ่นล่าสุด ไฮลักซ์ วีโก้ “แชมป์” ใหม่
มร.เคียวอิจิ ทานาดะ กรรมการผู้จัดการใหญ่ บริษัท โตโยต้า มอเตอร์ ประเทศไทย จำกัด พร้อมด้วย มร.คาโอรุ โฮโซกาวา หัวหน้าวิศวกรบริษัท โตโยต้า มอเตอร์ คอร์ปอเรชั่น ประเทศญี่ปุ่น และ นายวิเชียร เอมประเสริฐสุข รองกรรมการผู้จัดการใหญ่ ร่วมแถลงข่าวเปิดตัว รถกระบะประหยัดน้ำมันคุณภาพระดับโลก ไฮลักซ์ วีโก้ “แชมป์” ใหม่ “Above & beyond” เมื่อวันที่ 13 กรกฎาคม ศกนี้ ที่ ชาเลนเจอร์ฮอลล์ 1 อิมแพ็ค เมืองทองธานี
บริษัท โตโยต้า มอเตอร์ ประเทศไทย จำกัด เริ่มต้นโครงการ IMV ซึ่งมีชื่ออย่างเป็นทางการว่า “Innovative International Multi-purpose Vehicle” เมื่อปี พ.ศ.2547 โดยเป็นการย้ายฐานการผลิต รถกระบะและรถอเนกประสงค์จากประเทศญี่ปุ่นมายังประเทศไทย ทำการผลิตเพื่อจำหน่ายทั้งภายในประเทศ และส่งออกจำหน่ายในทุกภูมิภาคทั่วโลก ด้วยเงินลงทุนมหาศาลถึงกว่า 37,000 ล้านบาท รถกระบะ ไฮลักซ์ วีโก้ และรถอเนกประสงค์ ฟอร์จูนเนอร์ ได้รับการแนะนำสู่ตลาดเมืองไทย และในอีก 113ประเทศทั่วโลก โดยได้รับการตอบรับเป็นอย่างดีจากลูกค้าภายในระยะเวลาอันรวดเร็ว ด้วยการออกแบบรูปลักษณ์ภายนอกที่สวยงาม ห้องโดยสารหรูหรา กว้างขวาง สมรรถนะเครื่องยนต์อันทรงพลัง ประหยัดน้ำมันเป็นเยี่ยม ตลอดจนระบบรองรับที่แข็งแกร่ง ให้ความมั่นใจทุกสภาพการใช้งาน ทนทาน อัตราการดูแลรักษาต่ำ รองรับทุกรูปแบบการใช้งานตั้งแต่ กระบะบรรทุก – เอ็กซ์ตร้าแค็บ – สมาร์ทแค็บ – ดับเบิ้ลแค็บ ไปจนถึงรถอเนกประสงค์คันหรูในนาม ฟอร์จูนเนอร์ ทำให้เป็นรถยอดนิยม มีลูกค้าครอบครองเป็นเจ้าของรถทั้ง 2 รุ่นแล้วจำนวนทั้งสิ้นกว่า 2,300,000 คัน ครองตำแหน่งแชมป์ยอดขาย ทั้งตลาดภายในประเทศ และตลาดส่งออกอย่างต่อเนื่องตลอดระยะเวลา 5 ปี (พ.ศ.2548 – 2553)
มร.เคียวอิจิ ทานาดะ กรรมการผู้จัดการใหญ่ กล่าวว่า “ทุกท่านคงทราบดีว่า “ไฮลักซ์ วีโก้” และ “ฟอร์จูนเนอร์” เป็นผลิตผลที่สำคัญของโครงการ “IMV” หรือ “Innovative International Multi-purpose Vehicle” ของ บริษัท โตโยต้า มอเตอร์ ประเทศไทย จากจุดเริ่มต้นในปี 2547 จนถึงปัจจุบัน
“ไฮลักซ์ วีโก้” และ “ฟอร์จูนเนอร์” ได้รับการยอมรับด้านคุณภาพจากลูกค้าทั่วโลก เป็นรถยนต์ยอดนิยม ระดับ “World class” มียอดจำหน่ายกว่า 2 ล้าน 3 แสนคัน ครองแชมป์ยอดขาย อันดับ 1 ในประเทศ
แชมป์ส่งออก 5 ปีซ้อน และแชมป์ด้านคุณภาพ ด้วยรางวัลมากมาย เช่น “JD Power” “TAQA Awards” และ “Car of the Year” วันนี้โตโยต้าภูมิใจนำเสนออีกพัฒนาการที่ก้าวล้ำครั้งใหม่ ของ “ไฮลักซ์ วีโก้” เพื่อรักษาความเป็นยานยนต์ระดับโลก โดยให้ชื่อว่า “ไฮลักซ์ วีโก้ แชมป์”
โตโย ต้า ไม่หยุดนิ่งในการพัฒนา เพื่อมอบความพึงพอใจสูงสุดให้กับลูกค้า และรักษาความเป็นรถยอดนิยม จึงได้แนะนำรถกระบะรุ่นใหม่โดยใช้ชื่อว่า ไฮลักซ์ วีโก้ “แชมป์” ซึ่งมีจุดเด่น 4 ประการ ได้แก่


- Style – รูปลักษณ์สมาร์ท ล้ำสมัย จากหัวจรดท้าย สะท้อนภาพลักษณ์อันโดดเด่น

- Comfort – ความรู้สึกในการขับขี่ที่นุ่มนวล สะดวกสบาย ในแบบรถอเนกประสงค์

- Fuel efficiency – ประสิทธิภาพในการใช้น้ำมันที่คุ้มค่าหมดจด ประหยัดน้ำมันถึงขีดสุด

- Performance – สมรรถนะเครื่องยนต์อันทรงพลัง ให้ความสนุกสนานทุกการขับขี่

พร้อม นำเสนอเทคโนโลยีใหม่ล่าสุด “Diamond Tech” เอกสิทธิ์แห่งเทคโนโลยีประหยัดน้ำมันของโตโยต้า ที่มีอยู่ใน ไฮลักซ์ วีโก้ “แชมป์” และ ฟอร์จูนเนอร์ เท่านั้น
ระบบ “Diamond Tech” เรียนรู้การฉีดจ่ายน้ำมันด้วยความแม่นยำสูง สั่งการทำงานทั้งระบบผ่านกล่องคอมพิวเตอร์อัจฉริยะ 32 บิท ไม่มีการจ่ายน้ำมันส่วนเกินในทุกรอบเครื่องยนต์ ใช้น้ำมันทุกหยดอย่างคุ้มค่า ตอบสนองอัตราเร่งดีเยี่ยมในทุกสภาพการขับขี่

- ระบบเรียนรู้การฉีดน้ำมันแม่นยำสูง ฉลาดและประหยัด (Fuel Injection Learning System) “ฉีดเท่าที่ใช้ จ่ายเท่าที่จำเป็น” เอกสิทธิ์เฉพาะสำหรับโตโยต้าเท่านั้น – กล่องคอมพิวเตอร์ 32 บิท ควบคุมการทำงานทั้งระบบเครื่องยนต์ให้มีประสิทธิภาพสูงสุด คำนวนลดปริมาณการจ่ายน้ำมันส่วนเกินทุกครั้งที่มีการลดความเร็วรอบของ เครื่องยนต์ โดยแยกการคำนวณ และสั่งการจ่ายน้ำมันอย่างอิสระในแต่ละกระบอกสูบ
- หัวฉีดอัจฉริยะ แกร่ง จ่ายน้ำมันลื่น สะอาดหมดจด ทนทานระดับเพชร เอกสิทธิ์
เฉพาะสำหรับโตโยต้าเท่านั้น – ฉีดน้ำมันเป็นฝอยละเอียด ช่วยให้เผาไหม้ได้อย่างหมดจดพร้อมเคลือบสารพิเศษ “Diamond Liked Carbon Coating” ภายในเข็มหัวฉีดช่วยให้จ่ายน้ำมันได้คล่อง และป้องกันการเกาะตัวของคราบเขม่าที่เกิดจากการเผาไหม้บริเวณช่องจ่ายน้ำมัน ของหัวฉีด ลดปัญหาการอุดตันของหัวฉีด เพิ่มความทนทานและยืดอายุการใช้งานของหัวฉีดและระบบเครื่องยนต์
- ระบบเทอร์โบแปรผัน “VN Turbo” แรง ควบคุมครีบปรับแรงดันอากาศด้วยมอเตอร์ – สั่งการทำงานด้วยกล่องคอมพิวเตอร์อัจฉริยะ 32 บิท ที่ให้ความละเอียดถึงองศาการเปิด-ปิดที่เหมาะสม แรงต่อเนื่องทุกความเร็วรอบ
มร.ทานาดะ กล่าวต่อไปว่า “เพื่อให้ลูกค้ามั่นใจในคุณภาพและความพร้อมในการผลิต รวมถึงรองรับความต้องการที่เพิ่มขึ้นของทั้งลูกค้าชาวไทยและตลาดส่งออก เราได้ปรับปรุงโดยเพิ่มประสิทธิภาพ การผลิตของโรงงานสำโรงแล้ว และจะขยายกำลังการผลิตของโรงงานบ้านโพธิ์ ตั้งแต่เดือนกันยายนนี้ เป็นต้นไป ขอให้ลูกค้ามั่นใจที่จะได้เป็นเจ้าของรถรุ่นนี้ด้วยคุณภาพสูงสุดในเวลาที่ รวดเร็วมากยิ่งขึ้น”
สะท้อนภาพลักษณ์แห่งความเป็น “Champ” ด้วยพรีเซ็นท์เตอร์ระดับ “World Class” “คริสเตียโน โรนัลโด” นักเตะยอด เยี่ยมที่ได้รับรางวัลในวงการฟุตบอลระดับโลกมากมาย เช่น ดาวซัลโวสูงสุดรองเท้าทองคำ จากสมาพันธ์ฟุตบอลนานาชาติ (FIFA) ประจำปี 2008, ดาวซัลโวสูงสุดใน La Liga Spain 2010 – 2011

จากคุณลักษณะสำคัญ ได้แก่
- ความมุ่งมั่นเพื่อความเป็นหนึ่ง – เช่นเดียวกับการมุ่งมั่นให้ Hilux Vigo Champ เป็นหนึ่งในใจลูกค้ารถกระบะเมืองไทย
- มีทักษะและความโดดเด่นเหนือคนอื่นๆ – เช่นเดียวกับสมรรถนะ ประสิทธิภาพ และรูปลักษณ์อันโดดเด่นในทุกๆ ด้านที่มีอยู่ใน ไฮลักซ์ วีโก้ “CHAMP”
- มีชื่อเสียงระดับโลก – เช่นเดียวกับที่ Hilux Vigo ได้รับการยอมรับด้านคุณภาพอย่างกว้างขวางระดับ “World Class”
“ไฮลักซ์ วีโก้ แชมป์” ใหม่คุ้มค่าในทุกๆ ด้าน สามารถใช้งานได้อเนกประสงค์ พร้อมสมรรถนะและความประหยัดน้ำมันเป็นเยี่ยม ถือว่าเป็นรถยนต์ที่เหมาะสำหรับคนไทย อย่างแท้จริง” มร.ทานาดะกล่าว

สำหรับราคาจำหน่ายของ Hilux Vigo Champ ปี 2011-2012 มีดังนี้(AutoSpinn ได้นำเสนอรายละเอียดของราคาทั้ง 54 รุ่นย่อยแยกออกไปต่างหาก click ที่นี่ ราคา Toyota Hilux Vigo Champ) โดยในส่วนของรายละเอียดทางเทคนิคของแต่ละรุ่น สามารถอ่านได้จากที่นี่ ข้อมูล Toyota Vigo Champ

รุ่น StandardCab เริ่มต้นที่ 487,000 บาท(2.5J StandardCab) ไปจนถึง 544,000 บาท(3.0J)

รุ่น SmartCab เริ่มต้นที่ 587,000 บาท(2.5J SmartCab พวงมาลัยพาวเวอร์) ไปจนถึง 814,000 บาท (3.0G SmartCab 4WD สีเมทัลลิก)

รุ่น ExtraCab เริ่มต้นที่้ 552,000 บาท(2.5J ExtraCab พวงมาลัยพาวเวอร์) และ 559,000 บาท(2.5J ExtraCab พวงมาลัยพาวเวอร์ สีเมทัลลิก)

รุ่น DoubleCab เริ่มต้นที่ 627,000 บาท(2.5J DoubleCab) ไปจนถึง 988,000 บาท(3.0G DoubleCab เกียร์อัตโนมัติ 4WD สีเมทัลลิก)

ขอบคุณที่มา Autospinn

19 มิถุนายน 2554

Mazda 3 2011 กับราคาที่แพงๆๆๆๆ



2011 มาสด้า 3 ผมประเมินราคาไว้ที่ 8 แสน ต้นๆ สำหรับเครื่อง 1.6 , 1 ล้าน สำหรับ 2.0
เครื่อง 2.5 คงไม่นำมาเปิดที่ตลาดของไทย เพราะ ในภูมิภาคเดียวกัน ที่ตลาดมาเลเซีย ก็ไม่มี 2.0 ออกมาขายเช่นเดียวกัน
สำหรับ“มาสด้า 3 โฉมใหม่” จะย้ายฐานการผลิตจากฟิลิปปินส์ มายังประเทศไทย โดยใช้โรงงานออโต้ อัลลายแอนซ์ (เอเอที)จังหวัดระยอง ซึ่งกำลังเคลียร์ไลน์ให้พร้อมผลิตตั้งแต่ปลายปีนี้ ส่วนตัวรถจะพร้อมทำตลาดจริงไม่เกินไตรมาสแรกของปี 2554 สำหรับโมเดลเชนจ์ของ “มาสด้า 3” หรือ “เอ็กเซลล่า”ในญี่ปุ่น เริ่มทำตลาดที่บ้านเกิด รวมถึงยุโรป และอเมริกา มาเกือบ 2 ปีแล้ว กับหน้าตาสปอร์ตปราดเปรียว บนสองตัวถังซีดาน และแฮตซ์แบ็ก 5ประตู ส่วนเครื่องยนต์มีทั้งเบนซินขนาด 1.6 ลิตร 2.0 ลิตร และ 2.5 ลิตรสำหรับตลาดอเมริกา ขณะที่ดีเซลมีบล็อก 1.6 ลิตรและ 2.2 ลิตร ซึ่งการทำตลาดบ้านเราคงหนีไม่พ้นสองทางเลือกแรก

ราคา 2011มาสด้า 3 จะเปิดตัวทีเท่าไหร่
ดูข้อมูลเดิมก่อน ราคามาสด้า 3 ปี 2010
Maxx(2000 cc) 966,000 Baht
Spirit(1600 cc) 830,000 Baht
Groove (1600 cc) 755,000 Baht

ตัวใหม่ คงไม่น้อยหน้ากว่านี้แน่นอน ผมประเมินไว้ที่ 8 แสน ต้นๆ สำหรับเครื่อง 1.6 , 1 ล้าน สำหรับ 2.0
เครื่อง 2.5 คงไม่นำมาเปิดที่ตลาดของไทย เพราะ ในภูมิภาคเดียวกัน ที่ตลาดมาเลเซีย ก็ไม่มี 2.0 ออกมาขายเช่นเดียวกัน
ทำไมผมถึงประเมินราคาแบบนี้ ผมคิดแบบนี้ครับ
ผมลองไปค้นข้อมูล ของ 2010 mazda3 ของ yahoo ว่า เขา เปิดราคาที่เท่าไหร่ และ ไทยเราเปิดราคาที่เท่าไหร่
ราคา 2010 Mazda MAZDA3 ( Auto.yahoo.com)
MSRP $15,345 – $22,145 , Invoice $14,387 – $20,734
ราคาที่เมืองไทย ของ 2010 มาสด้า3 วิ่ง อยู่ที่ 755,000 – 966,000 ไม่คิดตัว Top ที่ ล้าน ต้นๆ
หากคิดอัตราแลกเปลี่ยน ที่30บาท/$ , คำนวนเปรียบเทียบตรงๆ ราคา จะเป็น 431,610 -622,020 บาท แต่ ราคาที่เปิดตัวที่เมืองไทย มันต้องบวกโน่นนี่เพิ่ม เอาเป็นว่า สรุป 2010 ไทยเราเปิดตัว ด้วยราคาหากอ้างอิงที่ Yahoo จะบวกเพิ่ม ประมาณ 120%

แล้วปีหน้า มาสด้า 3 ตัวใหม่จะราคาเท่าไหร่
ราคา 2011 Mazda MAZDA3 ( Auto.yahoo.com)
4-Door $15,450 2.0L 148 HP
Sport 4-Door $16,355 2.0L 148 HP
Touring 4-Door $17,950 2.0L 148 HP
Sport 4-Door $19,185 2.5L 167 HP
Sport 5-Door $19,685 2.5L 167 HP
Grand Touring 4-Door $22,395 2.5L 167 HP
Grand Touring 5-Door $22,895 2.5L 167 HP
ราคานี้เป็นราคาที่ประกาศทางเวปไซด์ของ yahoo auto,หาก + 120% ของราคา
ราคาต่ำสุดเครื่อง 2.0 = 15,450$ *2.20 *30 = 1 ล้าน
ราคาสูงสุดเครื่อง 2.5 = 22,859$*2.2*30 = 1.5 ล้าน

สรุปทางด้านราคานั้นผมคิดว่ามันแพงทีเดียวแต่ถ้ามองคุณภาพก็ OK นะครับ

22 พฤษภาคม 2554

พิสูจน์แล้ว! Honda Civic Hybrid ปี 2012 ประหยัดน้ำมันมากกว่าสเปคที่ 3.42 ลิตร/100 กม.

การเปิดตัวครั้งแรกในโลกอย่างเป็นทางการของ Honda Civic เจนเนอเรชั่นที่ 9 เวอร์ชั่นอเมริกาในหลายๆรุ่นในงาน 2011 New York Auto Show ที่ผ่านมาดูเหมือนว่าไม่ได้รับความสนใจมากเท่าที่ควร ทั้งนี้เนื่องจากมีการเผยโฉมพร้อมรายละเอียดของคอมแพคท์คาร์รุ่นนี้ออกมาล่วงหน้าเป็นระยะเวลาหนึ่งแล้ว ในขณะที่คนไทยอยากจะเห็นโฉมของจีนมากกว่าเพราะนั่นคือ โฉมที่ว่ากันว่าจะมีการใช้กับ Civic ของไทยด้วยเช่นกัน อย่างไรก็ตามยังมี Honda Civic รุ่นปี 2012 ที่น่าสนใจรุ่นหนึ่ง นั่นก็คือ Civic Hybrid ที่นอกจากจะเป็นรถที่ใช้ระบบขับเคลื่อนอินเทรนด์แล้ว ยังมีการทดสอบการประหยัดน้ำมันที่น่าสนใจจาก HybridCars.com ที่ทำให้เราคิดว่า รถรุ่นนี้น่าสนใจมากกว่าที่คิด เพราะประหยัดน้ำมันมากกว่าที่ระบุในเอกสารทางเทคนิคของ Honda เอง

Honda Civic Hybrid รุ่นปี 2012 นี้ได้ใช้ชุดแบตเตอรี่ลิเธี่ยมไอออนเป็นครั้งแรกที่ช่วยให้อัตราสิ้นเปลืองเชื้อเพลิง EPA ตามมาตรฐานของอเมริกาเพิ่มจาก 41 ไปเป็น 44 ไมล์/แกลลอนโดยเฉลี่ยสำหรับการขับนอกและในเมือง โดย HybridCars.com ได้ใช้เทคนิคที่เรียกว่า Hypermiling ในการขับทดสอบจนได้อัตราสิ้นเปลืองฯเฉลี่ยเกินความคาดหมายที่ 68.7 ไมล์/แกลลอนหรือ 3.42 ลิตร/100 กิโลเมตร ด้วยการขับรถเป็นระยะทาง 10 ไมล์หรือ 16 กิโลเมตรในสภาพถนนทั่วไปของอเมริกา ที่มีทั้งการขับทั้งในและนอกเมือง โดยมีการหยุดรถที่แยกไฟแดง 4-5 ครั้ง เพื่อให้ได้สภาพการขับขี่ที่สะท้อนความเป็นจริงมากที่สุด

จากตัวเลขอัตราสิ้นเปลืองฯอย่างเป็นทางการที่ 44 ไมล์/แกลลอน ก็เพียงพอที่ทำให้รถรุ่นนี้เป็นรถระบบไฮบริดแบบ “ไม่ Plug-In” ที่ประหยัดน้ำมันเป็นอันดับ 2 รองจาก Toyota Prius ซึ่งมีอัตราสิ้นเปลืองฯที่ 50 ไมล์/แกลลอน ในขณะที่ Lexus CT200h ตามมาเป็นที่ 3 ด้วยตัวเลขที่ 42 ไมล์/แกลลอน Honda จึงอ้างได้เต็มปากเต็มคำว่า Civic Hybrid ตัวใหม่นี้เป็นซีดานที่ประหยัดน้ำมันมากที่สุดในสหรัฐอเมริกา โดยมีราคาขายเริ่มต้นในเมืองลุงแซมที่ 24,050 เหรียญสหรัฐฯ ส่วนรุ่นท็อปที่มาพร้อมเบาะหุ้มหนังและระบบวิทยุ XM มีราคาอยู่ที่ 26,750 เหรียญสหรัฐฯ

Yuuji Fujiki, Chief Engineer ระบบ IMA Hybrid ของ Honda ให้สัมภาษณ์ HybridCars.com ว่า นอกจากการหันมาใช้ชุดแบตเตอรี่ลิเธี่ยมไอออนแล้ว Civic Hybrid 2012 ยังใช้เครื่องยนต์ 4 สูบ ที่มีขนาดความจุกระบอกสูบที่ใหญ่ขึ้นคือ จากขนาด 1.3 ไปเป็น 1.5 ลิตร แต่กลับมีอัตราสิ้นเปลืองฯเท่ากับโฉมปัจจุบัน(ที่กำลังจะกลายเป็นโฉมเก่า) นั่นทำให้เครื่องยนต์ทำงานที่ความเร็วรอบต่ำ ส่งผลให้มีการใช้งานมอเตอร์ไฟฟ้าบ่อยขึ้น เสียงดังจากเครื่องยนต์ก็น้อยลงโดยปริยาย ส่วนชุดแบตเตอรี่ลิเธี่ยมไอออนที่ใช้ก็มีขนาดเล็กลงถึง 30% เมื่อเทียบกับชุดแบตเตอรี่นิเกิลเมทัลไฮไดรด์ ทำให้มีพื้นที่จุสัมภาระมากขึ้นกว่า Civic รุ่นก่อน

Fujiki ยังอธิบายเพิ่มอีกว่า ระบบไฮบริดของ Honda ถูกปรับปรุงให้ดีขึ้นในทุกจุดเพื่อให้มั่นใจว่ารถจะสามารถใช้น้ำมันให้เกิดประโยชน์สูงสุดหรือประหยัดน้ำมันมากขึ้นนั่นเอง เหล่านี้ทำได้โดยการเพิ่มกำลังของมอเตอร์ไฟฟ้าจาก 15 ไปเป็น 20 กิโลวัตต์ ด้วยการใช้คอยล์มากขึ้น และมีระยะห่างระหว่างแม่เหล็กในมอเตอร์มากขึ้น นอกจากนั้นยังใช้สเปซเซอร์พลาสติคเพื่อจัดการในเรื่องอุณหภูมิหรือความร้อนภายในมอเตอร์ได้ดีขึ้น

และนอกจากการใช้ระบบ idle-stop มากขึ้นแล้ว ในบางครั้ง วาล์วของเครื่องยนต์จะถูกสั่งให้หยุดการทำงานเพื่อตัดระบบการจ่ายน้ำมันในขณะที่เครื่องยนต์กำลังทำงาน Honda เรียกการทำงานนี้ว่าเป็นโหมดการทำงานแบบ EV ซึ่งการทำงานดังกล่าวไม่ใช่เป็นการทำงานของระบบไฟฟ้าทั้งหมด ซึ่งแม้ว่าระบบจ่ายน้ำมันจะหยุดทำงานแต่รถก็ยังเคลื่อนที่ได้ด้วยแรงฉุดเชิงกลอยู่ได้ ซึ่งสภาวะ “ไม่ใช่น้ำมัน” นี้ จะใช้เวลานานสูงสุดถึง 79 วินาที

Honda อ้างว่า ทีมวิศกรของบริษัทฯได้มุ่งเน้นการพัฒนาในเรื่องของการประหยัดน้ำมันให้มากที่สุด (ซึ่งเห็นได้จากอัตราสิ้นเปลืองฯที่ 44 ไมล์/แกลลอน จากการใช้มอเตอร์ไฟฟ้าเพียงตัวเดียวซึ่งมีราคาถูกกว่าและซับซ้อนน้อยกว่าระบบมอเตอร์ไฟฟ้า 2 ตัวของ Toyota) โดยการสร้างสมดุลย์ในการใช้งานที่เหมาะสมระหว่างแรงเสียดทานของเครื่องยนต์ กำลังมอเตอร์ไฟฟ้า และการใช้แบตเตอรี่ ที่ทำให้การใช้น้ำมันโดยรวมเกิดประสิทธิภาพสูงสุด

เทคนิคการขับ Civic Hybrid รุ่นปี 2012 ให้ประหยัดน้ำมันมากที่สุดก็คือ การค่อยๆเร่งเครื่องในระดับที่สม่ำเสมอไปจนถึงระดับความเร็วที่ประมาณ 45 ไมล์/ชั่วโมงหรือ 72.5 กิโลเมตร/ชั่วโมง และอยู่ในระดับความเร็วดังกล่าวตลอดระยะทาง 10 ไมล์เท่าที่จะทำได้ นั่นทำให้มีโอกาสที่จะได้อัตราสิ้นเปลืองฯที่ 68.7 ไมล์/แกลลอน นอกจากนั้น Fujiki ยังแนะอีกว่า ไม่ควรใช้เข้าเกียร์ว่างในการชะลอความเร็วเพื่อหยุดรถเพราะการเข้าเกียร์ว่างจะทำให้ระบบจ่ายน้ำมันทำงาน ฉะนั้นคุณจะต้องเข้าเกียร์อื่นไว้เพราะจะทำให้เครื่องยนต์เข้าใจว่าคุณกำลังลดความเร็วอยู่ และจะสั่งการให้มีการตัดการจ่ายน้ำมัน โดยรถจะเริ่มใช้ระบบชาร์จไฟจากการเบรค(Regenerative Braking) เข้ามาแทนที่ ซึ่งการแนะนำนี้ทำให้ทีมงานของ HybridCars.com ชนะการแข่งขันขับรถประหยัดน้ำมันที่จัดขึ้นโดย Honda ซึ่งได้เชิญสื่อมวลชนต่างๆเข้าร่วมพร้อมไปกับการเผยโฉม All-New Civic รุ่นปี 2012 เมื่อต้นเดือนเมษายนที่ผ่านมาในกรุงวอชิงตัน ดีซี ประเทศสหรัฐอเมริกา

ในด้านรูปลักษณ์ All-New Honda Civic Hybrid จะมีเอกลักษณ์ตรงที่แผงกระจังหน้าพร้อมแถบสีฟ้าด้านบน โคมไฟหน้าและท้ายบางส่วนเป็นสีฟ้าอ่อน ชุดล้ออัลลอยแบบ 5 ก้าน สปอยเลอร์ฝากระโปรงหลัง และไฟเบรค LED ส่วนภายในเป็นเบาะผ้าแบบพิเศษ โดยมีแผงข้างประตูที่ดูไม่เหมือนใคร

Honda คาดว่าจะสามารถทำยอดขาย All-New Civic รุ่นใหม่นี้ได้ถึง 260,000 คัน/ปี โดย 6% เป็นยอดขายของ Civic Hybrid หรือประมาณ 1,300 คัน/เดือน

10 เมษายน 2554

เชฟโรเลต เผยโฉม โคโลราโด ใน Code การผลิตที่ชื่อ GMI700



เชฟโรเลต เผยโฉมรถต้นแบบ โคโลราโด รุ่นใหม่ ที่ได้รับการพัฒนาจากดีเอ็นเอสายพันธุ์แกร่งของรถกระบะเชฟโรเลตที่ได้รับ รางวัลมาแล้วมากมาย ก่อนนำออกโชว์ตัวสู่สายตาชาวไทยครั้งแรกในโลกที่งานบางกอก อินเตอร์เนชันแนล มอเตอร์โชว์ ครั้งที่ 32 พร้อมเปิดตัวออกจำหน่ายจริงภายในปีนี้


รถกระบะเชฟโรเลต โคโลราโด ต้นแบบคันนี้ มาพร้อมกับรูปทรงที่แข็งแกร่งบึกบึน ตัวถังแบบเอ็กซ์เทนเดด-แค็บ หรือแบบ 2 ประตูพร้อมแค็บและที่นั่งด้านหลังคนขับ ระบบขับเคลื่อนสี่ล้อ ยกสูง สะดุดตาด้วยล้ออลูมิเนียมขนาด 20 นิ้วและยางแบบออฟโรด พร้อมสมรรถนะแห่งความแรงอันยอดเยี่ยมด้วยขุมพลังดีเซลเทอร์โบขนาด 2.8 ลิตร ให้แรงบิดต่อเนื่องตอบสนองทุกการใช้งาน และประหยัดเหนือชั้น สีสันของตัวถังด้านหน้ารถเลือกใช้สีเมทัลลิกชนิดพิเศษที่เรียกว่า ‘เปปเปอร์ดัสต์’ ตัดกับอลูมิเนียมขัดเงา เข้าคู่กับบันไดด้านข้างที่เป็นส่วนประกอบหนึ่งของตัวรถ


การออกแบบกรอบไฟหน้าโคมดำพร้อมหลอดไฟแบบแอลอีดี เช่นเดียวกับไฟท้ายแบบแอลอีดีทั้งหมดจะสามารถดึงดูดสายตาทุกคู่ในยามค่ำคืน การออกแบบตัวถังภายนอกส่วนอื่น ประกอบด้วย • การออกแบบช่วงแค็บที่ไหลลื่น พร้อมปิดกระบะท้ายสีเดียวกับตัวถังรถ • แถบสีเทาเข้ม พาดผ่านด้านหน้า ด้านข้าง และด้านท้ายรถ • ล้ออลูมิเนียมขนาด 20 นิ้ว สีเทาเข้ม ตกแต่งแบบ “ลิควิด เมทัล” • ยางออฟโรด คูเปอร์ ซีออน แอลทีแซด ขนาด 285/50 R20 • กระจกมองข้างพร้อมไฟเลี้ยวแอลอีดี ภายในห้องโดยสารแบบดูอัล-ค็อกพิท เป็นอีกหนึ่งเอกลักษณ์ของเชฟโรเลตที่เน้นความสมดุลลื่นไหลตลอดคอนโซลหน้าไป จนถึงแผงข้างประตู มีการแทรกดีไซน์แบบบิดโค้งเพื่อเพิ่มความล้ำสมัย แสงไฟในห้องโดยสารสีฟ้าไอซ์บลู เบาะหนังตัดเย็บอย่างพิถีพิถัน เน้นให้เห็นสัมผัสของความสะดวกสบาย กว้างขวาง และรื่มรมย์ตลอดการเดินทาง มาตรวัดแบบ 3 ช่อง โดดเด่นสะดุดตา ให้อารมณ์ความรู้สึกสปอร์ต และตอบสนองทุกการใช้งานได้อย่างชัดเจน ภายในห้องโดยสารเน้นโทนสีต่างเพิ่มความหรูหรา เบาะหนังสีอ่อนตัดกับลายไม้สีเข้มและโครเมียม พร้อมพื้นผิวที่ไม่มีความมันมากนัก และวัสดุอื่นๆที่ให้สัมผัสอ่อนนุ่ม ช่องเก็บของหลากหลายขนาดถูกติดตั้งทั่วห้องโดยสาร รวมถึงช่องเก็บของที่มีฝาปิดมิดชิดเพื่อเก็บของมีค่าและช่องเก็บของขนาดใหญ่ บริเวณคอนโซลด้านหน้าแบบสองชั้นแสดงความหรูหราและตัวตนของเจ้าของรถ ตลอดจนช่วยสร้างความรู้สึกแบบพรีเมียมให้ผู้โดยสารแทบทั้งสิ้น อุปกรณ์ในการอำนวยความสะดวกครบครัน ระบบปรับอากาศแบบแยกส่วน และระบบให้ความบันเทิงแบบ “อินโฟเทนเมนท์” เป็นเทคโนโลยีล่าสุดของเชฟโรเลต โคโลราโด ส่วนคอนโซลกลางติดตั้งหน้าจอแอลซีดีขนาด 7 นิ้วสำหรับระบบนำทางเนวิเกเตอร์ พร้อมฟังก์ชั่นการเชื่อมต่อเว็บไซต์ การปรับเลือกเพลง และการใช้งานโทรศัพท์แบบแฮนด์ฟรี

 

20 มีนาคม 2554

ราคาเปิดตัว ของ Honda Brio

Update (17 มีค.54) ราคาเปิดมาแล้วตามนี้ครับ Honda Brio S M/T เกียร์ธรรมดา ราคา 399,900 บาท Honda Brio V M/T เกียร์ธรรมดา ราคา 469,500 บาท Honda Brio V A/T เกียร์อัตโนมัติ CVT ราคา 508,500 บาท ภาพชุดและรายละเอียดอื่นๆติดตามได้ที่นี่ครับ Honda Brio ก่อนการเปิดตัว Honda Brio ในวันพรุ่งนี้ด้วยการดึง 2 ดาราดัง หมาก ปริญ และญาญ่า อุรัสยา มาเป็นพรีเซ็นเตอร์ โดยการชู Brio ให้เป็นรถยนต์นั่งขนาดเล็กที่ตอบสนองการใช้งานในเมืองอย่างแท้จริง ภายใต้แนวคิด “Urban Practical Small” เรามาดูข้อมูลล่าสุดของ Eco Car ตัวที่ 2 ในเมืองไทยก่อนว่าเป็นอย่างไรบ้าง Brio ถือว่าเป็นช็อตเด็ดของ Honda ประเทศไทยในปีนี้ด้วยการบุกตลาดรถยนต์นั่งขนาดเล็กร่วมกับ Jazz ที่ตั้งยอดขายรวมทั้งสองรุ่นไว้ที่ 100,000 คันจากยอดขายที่ Honda หวังไว้ทั้งปีจำนวนทั้งสิ้น 145,000 คัน การเปิดตัว Brio ในฐานะ Eco Car รุ่นใหม่ในประเทศต่อจาก Nissan March จึงเป็นการเปิดตลาดขนาดใหญ่ที่มี player ที่เป็นทางการเพียงรายเดียวเท่านั้น ในขณะที่มีตัวสอดแทรกอย่าง Proton Savvy, Kia Picanto, Naza Forza และ Chery QQ ในตลาดรถขนาดเล็กระดับ A Segment โดยกลุ่มเป้าหมายสำคัญก็คือ วัยรุ่นไปจนถึงคนวัยทำงานที่มีรายได้ต่อครอบครัวที่ระดับ 1.5-2.5 หมื่นบาท/เดือน ขุมพลังของ Honda Brio เป็นเครื่องยนต์ i-VTEC SOHC ขนาด 1.2 ลิตร กำลังสูงสุด 90 แรงม้าที่ 6,000 รอบ/นาที แรงบิดสูงสุด 110 นิวตันเมตรที่ 4,000 รอบ/นาที ระบบส่งกำลังมีให้เลือกเป็นเกียร์ธรรมดา 5 สปีดหรือเกียร์อัตโนมัติ CVT รุ่นใหม่ล่าสุดที่มาพร้อม Torque Converter และระบบ Lock-Up Control อัตราสิ้นเปลืองเชื้อเพลิงที่ 20 กิโลเมตร/ลิตร ซึ่งผ่านมาตรฐานความปลอดภัย UNECE 94 และ 95 โดยสามารถรองรับน้ำมัน E20 ส่วนล้ออัลลอยเป็นขอบ 14 นิ้ว ภายในห้องโดยสารจะพบพวงมาลัยไฟฟ้าควบคุมด้วยระบบอิเล็กทรอนิกส์ EPS รัศมีวงเลี้ยว 4.5 เมตร มาตรวัดแบบ 3 วง สีภายในเป็นสีเบจทูโทน เบาะหลังพับลงได้ 100% ห้องสัมภาระท้ายมีความจุ 175 ลิตร ชุดเครื่องเสียง/วิทยุ AM/FM 30 คลื่นสัญญาณ พร้อมช่องต่อเชื่อม USB และช่อง AUX

Honda Brio มีทั้งหมด 3 รุ่นคือ Honda Brio S M/T เกียร์ธรรมดา ราคา 399,900 บาท Honda Brio V M/T เกียร์ธรรมดา ราคา 469,500 บาท Honda Brio V A/T เกียร์อัตโนมัติ CVT ราคา 508,500 บาท

โดยมีให้เลือก 5 สี คือ ขาว ดำมุก เงินเมทัลลิค ฟ้าเมทัลลิค และเขียวเมทัลลิค

06 มีนาคม 2554

สีรถที่ถูกโฉลกตามวันเกิด ไม่เชื่ออย่าลบหลู่

วิธีแก้เคล็ด วิธีแก้เคล็ดสำหรับผู้ที่ใช้สีรถที่เป็นกาลกิณีวันเกิด เช่น คนเกิดวันอาทิตย์ ใช้รถสีฟ้า หรือสีน้ำเงิน เป็นต้น ให้หาสติกเกอร์ "สีที่เป็นศรี" ของวันเกิดของเจ้าของรถ เช่น คนเกิดวันอาทิตย์ มีสีเขียว เป็นศรี เป็นต้น เมื่อได้สีนั้นมาแล้ว ให้ตัดสติกเกอร์ให้ได้ขนาด 2x2 นิ้ว จำนวน 4 แผ่น แล้วเอาไปติดตำแหน่งของรถต่อไปนี้ แผ่นที่ 1. กระโปรงหน้ารถ (ตรงกลาง) 1 แผ่น แผ่นที่ 2. ติดที่กระโปรงหลัง (หรือฝาท้าย) แผ่นที่ 3. ติดที่ประตูหน้าซ้าย แผ่นที่ 4. ติดที่ประตูหน้าขวา สีที่เป็นศรีสำหรับคนเกิดวันต่างๆ 1. เกิดวันอาทิตย์ สีเขียว เป็น ศรี 2. เกิดวันจันทร์ สีดำ เป็น ศรี 3. เกิดวันอังคาร สีเหลือง เป็น ศรี 4. เกิดวันพุธ กลางวัน สีเขียวอ่อน เป็น ศรี 5. เกิดวันพฤหัสบดี สีส้ม เป็น ศรี 6. เกิดวันศุกร์ สีชมพู เป็น ศรี 7. เกิดวันเสาร์ สีน้ำเงิน เป็น ศรี 8. เกิดวันพุธ กลางคืน สีขาว เป็น ศรี ดูรายละเอียดเพิ่มเติมได้โดยที่นี่





------------------------------------------------------------------------------------------------ คนเกิดวันอาทิตย์ - ตามหลักทักษาคนที่เกิดวันอาทิตย์ ห้ามใช้ ศ ษ ส ห ฬ ฮ เพราะเป็นอักษรกาลกิณี - เลขทะเบียนรถห้าม ไม่ให้มีเลข 6 และเลข 3 - ไม่ควรทำการมงคลต่างๆ ในวันศุกร์ เพราะเป็นกาลกิณีในวันเกิดและไม่ควรทำการมงคลต่างๆ ในวันอังคาร เพราะเป็นวันคู่ศัตรูวันเกิด - ถ้าจะออกรถ สีรถที่ควรเลือกใช้หรือสีรถที่ถูกโฉลก ของคนเกิดวันอาทิตย์ รถสีแดงก่ำหรือสีแดงเลือดหมู เสริมสง่าราศี มากด้วยบุญญาบารมี มีอำนาจวาสนา คนนบนอบยำเกรง รถสีดำ เสริมความน่าเคารพนับถือ เสริมดวงเรื่องทรัพย์สินเงินทอง การเงิน รถสีขาว สีครีม เสริมความสงบปลอดภัยจากเหตุร้าย เช่น อุบัติเหตุ แคล้วคลาดจากอันตรายทั้งปวง รถสีม่วงเปลือกมังคุด เสริมดวงด้านศรัทธา ความน่าเชื่อถือ ความไว้วางใจ และดวงเรื่องการเงิน รถสีเขียว เสริมดวงให้คนรักเมตตา อุปถัมภ์ค้ำชู ช่วยเหลือทำให้สะดวกราบรื่นในเรื่องต่างๆ รถสีบรอนซ์ สีเทา สีทอง เสริมดวงเรื่องเมตตามหานิยม เสริมเสน่ห์ การสนับสนุนเกื้อกูล รถสีฟ้า สีน้ำเงิน ไม่ควรออกรถสีนี้ เพราะเป็นกาลกิณี หมายถึง โชคร้าย อัปมงคล ความเป็นเสนียด ศัตรูคู่แข่ง อุปสรรคในการดำเนินชีวิต
------------------------------------------------------------------------------------------------ คนเกิดวันจันทร์ - ตามหลักทักษาคนที่เกิดวันจันทร์ ห้ามใช้ สระทั้งหมด (เว้นไม้หันอากาศและตัวการันต์) เพราะเป็นอักษรกาลกิณี - เลขทะเบียนรถห้าม ไม่ให้มีเลข 1 และเลข 5 - ไม่ควรทำการมงคลต่างๆ ในวันอาทิตย์ เพราะเป็นกาลกิณีในวันเกิดและไม่ควรทำการมงคลต่างๆ ในวันพฤหัสบดี เพราะเป็นวันคู่ศัตรูวันเกิด - ถ้าจะออกรถ สีรถที่ควรเลือกใช้หรือสีรถที่ถูกโฉลก ของคนเกิดวันจันทร์ รถสีส้ม สีเหลืองแก่ เสริมดวงเรื่องการเงิน ความมั่นคง ทุนทรัพย์ ราคาและคุณค่าที่จะเพิ่มพูนให้แก่ตนเองในปัจจุบันและภายภาคหน้า รถสีดำ เสริมความสงบปลอดภัยจากเหตุร้าย เช่น อุบัติเหตุ แคล้วคลาดจากอันตรายทั้งปวง รถสีน้ำเงิน สีทอง เสริมเสน่ห์ ผู้ใหญ่รักเมตตาและเอ็นดู มีแต่สิ่งที่เป็นสิริมงคลแก่ชีวิต หลักทรัพย์ โชคลาภ เสน่ห์ที่ทำให้คนรักใคร่เมตตา และศรัทธาในตัวเรา รถสีม่วงเปลือกมังคุด เสริมดวงด้านความสะดวกราบรื่นทุกอย่าง รถสีชมพู เสริมดวงให้ประสพผลสำเร็จได้รับการอุปถัมภ์ค้ำชู ได้รับการสงเคราะห์เกื้อหนุนจากผู้ใหญ่ ได้รับการส่งเสริม ในการดำเนินชีวิตและหน้าที่การงาน รถสีฟ้า เสริมดวงให้ประสพความสำเร็จในการดำเนินชีวิตและหน้าที่การงาน รถสีเขียว อำนาจวาสนา บารมี เกียรติยศ และชื่อเสียงตำแหน่งหน้าที่การงาน อานุภาพอิทธิพลที่ทำให้คนเคารพยำเกรง มีความสามารถในการควบคุมบังคับบัญชาคน รถสีแดง สีต้องห้าม เพราะเป็น กาลกิณี หมายถึง โชคร้าย อัปมงคล ความเป็นเสนียด ศัตรูคู่แข่ง อุปสรรคในการดำเนินชีวิต
------------------------------------------------------------------------------------------------ คนเกิดวันอังคาร - ตามหลักทักษาคนที่เกิดวันอังคาร ห้ามใช้ ก ข ค ฆ ง เพราะเป็นอักษรกาลกิณี - เลขทะเบียนรถห้าม ไม่ให้มีเลข 2 และเลข 1 และห้ามเลข เพราะทะเบียนที่มีเลข จะมีเรื่องและเกิดอุบัติบ่อยๆ ทำให้เสียเงินทองหรือทำให้เจ้าของได้รับบาดเจ็บ - ไม่ควรทำการมงคลต่างๆ ในวันจันทร์ เพราะเป็นกาลกิณีในวันเกิดและไม่ควรทำการมงคลต่างๆ ในวันอาทิตย์ เพราะเป็นวันคู่ศัตรูวันเกิด - ถ้าจะออกรถ สีรถที่ควรเลือกใช้หรือสีรถที่ถูกโฉลก ของคนเกิดวันอังคาร รถสีม่วงแก่ เสริมวาสนาบารมี โชคลาภ ความโชคดี รถสีดำ เสริมดวงด้านพลังอำนาจ เกียรติยศ และชื่อเสียงตำแหน่งหน้าที่การงาน อานุภาพอิทธิพลที่ทำให้คนเคารพยำเกรง มีความสามารถในการควบคุมบังคับ รถสีบรอนซ์ สีเทา เสริมความน่าเชื่อถือ ความไว้วางใจ รถสีทอง สีแสด เสริมความสงบปลอดภัยจากเหตุร้าย เช่น อุบัติเหตุ แคล้วคลาดจากอันตรายทั้งปวง รถสีน้ำตาล เสริมดวงด้านความมั่นคงในชีวิต เช่นมั่นคงเรื่อง หลักทรัพย์ ทรัพย์สิน หน้าที่การงาน รถสีเขียว เสริมดวงด้านการแก้ปัญหา ไร้อุปสรรค ไร้ศัตรูและคู่แข่ง รถสีแดง สีชมพู เสริมดวงให้ประสพผลสำเร็จได้รับการอุปถัมภ์ค้ำชู ได้รับการสงเคราะห์เกื้อหนุนจากผู้ใหญ่ ได้รับการส่งเสริม ในการดำเนินชีวิตและหน้าที่การงาน รถสีขาว สีเหลืองนวล เป็นสีต้องห้าม เพราะเป็น กาลกิณี หมายถึง โชคร้าย อัปมงคล ความเป็นเสนียด ศัตรูคู่แข่ง อุปสรรคในการดำเนินชีวิต
------------------------------------------------------------------------------------------------คนเกิดวันพุธ (กลางวัน 06.01-18.00) - ตามหลักทักษาคนที่เกิดวันพุธ (กลางวัน) ห้ามใช้ จ ฉ ช ซ ฌ ญ เพราะเป็นอักษรกาลกิณี - เลขทะเบียนรถห้าม ไม่ให้มีเลข 3 และเลข 8 - ไม่ควรทำการมงคลต่างๆ ในวันอังคาร เพราะเป็นกาลกิณีในวันเกิดและไม่ควรทำการมงคลต่างๆ ในวันพุธ (กลางคืน) เพราะเป็นวันคู่ศัตรูวันเกิด - ถ้าจะออกรถ สีรถที่ควรเลือกใช้หรือสีรถที่ถูกโฉลก ของคนเกิดวันพุธ (กลางวัน) รถสีน้ำเงิน สีฟ้า เสริมดวงด้านความเคารพนับถือ ยกย่องยอมรับ รถสีน้ำตาล สีทอง เสริมดวงด้านพลังอำนาจ เกียรติยศ และชื่อเสียงตำแหน่งหน้าที่การงาน อานุภาพอิทธิพลที่ทำให้คนเคารพยำเกรง มีความสามารถในการควบคุมบังคับ รถสีขาว สีเหลืองอ่อน เสริมดวงให้ประสพผลสำเร็จได้รับการอุปถัมภ์ค้ำชู ได้รับการสงเคราะห์เกื้อหนุนจากผู้ใหญ่ ได้รับการส่งเสริม ในการดำเนินชีวิตและหน้าที่การงาน รถสีเทา สีบรอนซ์ เสริมความสงบปลอดภัยจากเหตุร้าย เช่น อุบัติเหตุ แคล้วคลาดจากอันตรายทั้งปวง รถสีดำ เสริมดวงด้านการแก้ปัญหา ไร้อุปสรรค ไร้ศัตรูและคู่แข่ง ชีวิตมีแต่ความสะดวก ราบรื่น รถสีม่วงแก่ เสริมโชควาสนา เสริมวาสนาบารมี โชคลาภ ความโชคดี รถสีเขียว เสริมดวงด้านเสน่ห์ที่ทำให้คนรักใคร่เมตตา และศรัทธาในตัวเรา รถสีชมพู สีแสด เป็นสีต้องห้าม เพราะเป็น กาลกิณี หมายถึง โชคร้าย อัปมงคล ความเป็นเสนียด ศัตรูคู่แข่ง อุปสรรคในการดำเนินชีวิต
------------------------------------------------------------------------------------------------
คนเกิดวันพุธ (กลางคืน 18.01-06.00) - ตามหลักทักษาคนที่เกิดวันพุธ (กลางคืน) ห้ามใช้ บ ป ผ ฝ พ ฟ ภ ม เพราะเป็นอักษรกาลกิณี - เลขทะเบียนรถห้าม ไม่ให้มีเลข 5 และเลข 4 - ไม่ควรทำการมงคลต่างๆ ในวันพฤหัสบดี เพราะเป็นกาลกิณีในวันเกิดและไม่ควรทำการมงคลต่างๆ ในวันพุธ (กลางวัน) เพราะเป็นวันคู่ศัตรูวันเกิด - ถ้าจะออกรถ สีรถที่ควรเลือกใช้หรือสีรถที่ถูกโฉลก ของคนเกิดวันพุธ (กลางคืน) รถสีชมพู เสริมดวงให้คนเชื่อถือและไว้วางใจ รถสีดำ เสริมดวงด้านความเจริญรุ่งเรืองในหน้าที่การงาน รถสีเทา สีบรอนซ์ เสริมความสงบปลอดภัยจากเหตุร้าย เช่น อุบัติเหตุ แคล้วคลาดจากอันตรายทั้งปวง รถสีม่วงแก่ เสริมดวงให้ประสพผลสำเร็จได้รับการอุปถัมภ์ค้ำชู ได้รับการสงเคราะห์เกื้อหนุนจากผู้ใหญ่ ได้รับการส่งเสริม ในการดำเนินชีวิตและหน้าที่การงาน รถสีน้ำเงิน สีฟ้า เสริมดวงด้านการแก้ปัญหา ไร้อุปสรรค ไร้ศัตรูและคู่แข่ง ชีวิตมีแต่ความสะดวก ราบรื่น รถสีแดง สีน้ำตาล เสริมโชควาสนา เสริมวาสนาบารมี โชคลาภ ความโชคดี รถสีส้ม สีทอง เป็นสีต้องห้าม เพราะเป็น กาลกิณี หมายถึง โชคร้าย อัปมงคล ความเป็นเสนียด ศัตรูคู่แข่ง อุปสรรคในการดำเนินชีวิต
------------------------------------------------------------------------------------------------คนเกิดวันพฤหัสบดี - ตามหลักทักษาคนที่เกิดวันพฤหัสบดี ห้ามใช้ ด ต ถ ท ธ น เพราะเป็นอักษรกาลกิณี - เลขทะเบียนรถห้าม ไม่ให้มีเลข 7 - ไม่ควรทำการมงคลต่างๆ ในวันเสาร์ เพราะเป็นกาลกิณีในวันเกิด - ถ้าจะออกรถ สีรถที่ควรเลือกใช้หรือสีรถที่ถูกโฉลก ของคนเกิดวันพฤหัสบดี รถสีขาว เสริมดวงให้คนเชื่อถือและไว้วางใจ รถสีแดง เสริมดวงด้านความสงบปลอดภัยจากเหตุร้าย เช่น อุบัติเหตุ แคล้วคลาดจากอันตรายทั้งปวง รถสีเทา สีบรอนซ์ เสริมดวงด้านการแก้ปัญหา ไร้อุปสรรค ไร้ศัตรูและคู่แข่ง ชีวิตมีแต่ความสะดวก ราบรื่น รถสีฟ้า เสริมโชควาสนา เสริมวาสนาบารมี โชคลาภ ความโชคดี รถสีเขียว เสริมดวงให้ประสพผลสำเร็จได้รับการอุปถัมภ์ค้ำชู ได้รับการสงเคราะห์เกื้อหนุนจากผู้ใหญ่ ได้รับการส่งเสริม ในการดำเนินชีวิตและหน้าที่การงาน รถสีส้ม สีทอง เสริมความเป็นสิริมงคลแก่ชีวิต หลักทรัพย์ โชคลาภ เสน่ห์ที่ทำให้คนรักใคร่เมตตา และศรัทธาในตัวเรา รถสีดำ สีม่วง สีน้ำเงิน เป็นสีต้องห้าม เพราะเป็น กาลกิณี หมายถึง โชคร้าย อัปมงคล ความเป็นเสนียด ศัตรูคู่แข่ง อุปสรรคในการดำเนินชีวิต
------------------------------------------------------------------------------------------------- คนเกิดวันศุกร์ - ตามหลักทักษาคนที่เกิดวันศุกร์ ห้ามใช้ ย ร ล ว เพราะเป็นอักษรกาลกิณี - เลขทะเบียนรถห้าม ไม่ให้มีเลข 8 และเลข 7 - ไม่ควรทำการมงคลต่างๆ ในวันพุธ (กลางคืน) เพราะเป็นกาลกิณีในวันเกิดและไม่ควรทำการมงคลต่างๆ ในวันเสาร์ เพราะเป็นวันคู่ศัตรูวันเกิด - ถ้าจะออกรถ สีรถที่ควรเลือกใช้หรือสีรถที่ถูกโฉลก ของคนเกิดวันศุกร์ รถสีเขียว เสริมดวงให้คนเชื่อถือและไว้วางใจ รถสีสีแดง สีทอง เสริมดวงด้านความก้าวหน้าเจริญรุ่งเรืองในหน้าที่การงาน รถสีแดง สีชมพู เสริมดวงด้านความสงบปลอดภัยจากเหตุร้าย เช่น อุบัติเหตุ แคล้วคลาดจากอันตรายทั้งปวง รถสีเหลือง เสริมดวงให้ประสพผลสำเร็จได้รับการอุปถัมภ์ค้ำชู ได้รับการสงเคราะห์เกื้อหนุนจากผู้ใหญ่ ได้รับการส่งเสริม ในการดำเนินชีวิตและหน้าที่การงาน รถสีดำ เสริมดวงด้านการแก้ปัญหา ไร้อุปสรรค ไร้ศัตรูและคู่แข่ง ชีวิตมีแต่ความสะดวก ราบรื่น รถสีน้ำตาล เสริมโชควาสนา เสริมวาสนาบารมี โชคลาภ ความโชคดี รถสีฟ้า สีน้ำเงิน เสริมความเป็นสิริมงคลแก่ชีวิต หลักทรัพย์ โชคลาภ เสน่ห์ที่ทำให้คนรักใคร่เมตตา และศรัทธาในตัวเรา รถสีเทา สีบรอนซ์ สีม่วง เป็นสีต้องห้าม เพราะเป็น กาลกิณี หมายถึง โชคร้าย อัปมงคล ความเป็นเสนียด ศัตรูคู่แข่ง อุปสรรคในการดำเนินชีวิต
------------------------------------------------------------------------------------------------ คนเกิดวันเสาร์ - ตามหลักทักษาคนที่เกิดวันเสาร์ ห้ามใช้ ฎ ฏ ฐ ฑ ฒ ณ เพราะเป็นอักษรกาลกิณี - เลขทะเบียนรถห้าม ไม่ให้มีเลข 4 และเลข 6 - ไม่ควรทำการมงคลต่างๆ ในวันพุธ (กลางวัน) เพราะเป็นกาลกิณีในวันเกิดและไม่ควรทำการมงคลต่างๆ ในวันศุกร์ เพราะเป็นวันคู่ศัตรูวันเกิด - ถ้าจะออกรถ สีรถที่ควรเลือกใช้หรือสีรถที่ถูกโฉลก ของคนเกิดวันเสาร์ รถสีแดง เสริมดวงให้คนยอมรับเชื่อถือและไว้วางใจ รถสีชมพู เสริมดวงให้ประสพผลสำเร็จได้รับการอุปถัมภ์ค้ำชู ได้รับการสงเคราะห์เกื้อหนุนจากผู้ใหญ่ ได้รับการส่งเสริม ในการดำเนินชีวิตและหน้าที่การงาน รถสีน้ำเงิน สีฟ้า เสริมดวงด้านความสงบปลอดภัยจากเหตุร้าย เช่น อุบัติเหตุ แคล้วคลาดจากอันตรายทั้งปวง รถสีทา สีบรอนซ์ เสริมโชควาสนา เสริมวาสนาบารมี โชคลาภ ความโชคดี รถสีทอง สีเหลือง เสริมดวงด้านการแก้ปัญหา ไร้อุปสรรค ไร้ศัตรูและคู่แข่ง ชีวิตมีแต่ความสะดวก ราบรื่น รถสีดำ สีม่วงแก่ เสริมความเป็นสิริมงคลแก่ชีวิต หลักทรัพย์ โชคลาภ เสน่ห์ที่ทำให้คนรักใคร่เมตตา และศรัทธาในตัวเรา รถสีเขียว สีแสด เป็นสีต้องห้าม เพราะเป็น กาลกิณี หมายถึง โชคร้าย อัปมงคล ความเป็นเสนียด ศัตรูคู่แข่ง อุปสรรคในการดำเนินชีวิต

Lancer EX ใหม่ รุ่นปี 2011 ภายใต้นิยาม Be fascinated













Lancer EX ใหม่ รุ่นปี 2011 ชุดแต่งใหม่ดีไซน์โฉบเฉี่ยว พร้อมสิ่งอำนวยความสะดวกครบครัน ภายใต้นิยาม Be fascinated ราคาเริ่มต้น 7.94 แสนบาท เริ่มขาย 19 มีนาคม 2554 มิตซูบิชิ มอเตอร์ส ประเทศไทย แนะนำ Lancer EX ใหม่ พร้อมดึงดาราหนุ่ม เสน่ห์แรง “อนันดา” เป็นพรีเซ็นเตอร์คนแรกของ Lancer EX ในเมืองไทย ช่วยสะท้อนตัวตนที่แท้จริงของกลุ่มลูกค้าเป้าหมาย
มร. โคจิ นากาฮาร่า กรรมการรองผู้จัดการใหญ่ บริษัท มิตซูบิชิ มอเตอร์ส (ประเทศไทย) จำกัด เปิดเผยว่า บริษัทฯ ได้เตรียมแนะนำ Mitsubishi Lancer EX ใหม่ ภายใต้แนวคิด เผยเสน่ห์ เร้าใจในตัวคุณ หรือ Be fascinated เน้นภาพลักษณ์รถเก๋งสไตล์โฉบเฉี่ยวของมิตซูบิชิที่มีความลงตัวและสะท้อนตัวตนผู้ขับขี่

สำหรับ Mitsubishi Lancer EX ใหม่ มาพร้อมความโดดเด่นของนวัตกรรมที่ล้ำสมัย ด้วยการติดตั้งอุปกรณ์อัจฉริยะเพื่อตอบสนองไลฟ์สไตล์ที่นำสมัยของลูกค้า โดยเฉพาะอย่างยิ่งการติดตั้ง ระบบกุญแจอัจฉริยะ KOS ที่ช่วยให้สามารถล็อกหรือปลดล็อก ประตู และฝากระโปรงท้าย รวมไปถึงสตาร์ทหรือดับเครื่องยนต์ได้ง่ายๆ โดยไม่ต้องใช้กุญแจ พร้อมระบบป้องกันการโจรกรรม “อิมโมบิไลเซอร์”

นอกจากนี้ Lancer EX ใหม่ ยังมาพร้อมอุปกรณ์และการตกแต่งภายในเน้นความลงตัว ความสะดวกสบายในการใช้งาน และประโยชน์ใช้สอยมากยิ่งขึ้น อาทิ มาตรวัดแบบ Hi-Contrast กระจกมองข้างที่พับและปรับได้ด้วยไฟฟ้า กระจกไฟฟ้าแบบอัตโนมัติพร้อมระบบความปลอดภัย และระบบไฟสว่างอัตโนมัติเมื่อปลดล็อกรวมไปถึงระบบไฟนำทางหลังดับเครื่อง ซึ่งติดตั้งเป็นอุปกรณ์มาตรฐานในทุกรุ่น ในขณะที่พวงมาลัยแบบมัลติฟังก์ชั่นพร้อมระบบควบคุมความเร็วอัตโนมัติ ติดตั้งมาเป็นอุปกรณ์มาตรฐานในรุ่น 1.8 GLS Ltd. เป็นต้นไป ส่วนในรุ่น GT นอกจากจะมาพร้อมจอภาพระบบสัมผัสแล้วยังมีการติดตั้งระบบเชื่อมต่อโทรศัพท์ แบบไร้สายและระบบนำทางอัตโนมัติอีกด้วย
ภายนอก Lancer EX ใหม่ ได้รับการตกแต่งให้เร้าใจมากยิ่งขึ้น ด้วยการติดตั้งกระจังหน้าแบบใหม่ สเกิร์ตข้าง คิ้วตกแต่งชายฝากระโปรงท้าย พร้อมแนะนำสีใหม่ “แดงเมทัลลิก” และอื่นๆ อีกมากมาย

ในส่วนของเครื่องยนต์ของ Lancer EX ใหม่ มีทั้งเครื่องขนาด 1.8 ลิตร FFV ซึ่งรองรับน้ำมันเชื้อเพลิง ได้ทุกประเภทตั้งแต่เบนซินธรรมดาไปจนถึงแก๊สโซฮอล์ อี 85 ในขณะที่รุ่น 2.0 ลิตร รองรับได้ถึงแก๊สโซฮอล์ อี 20

Mitsubishi Lancer EX ใหม่ มี 6 สีให้เลือก
1.สีแดงเมทัลลิก(สีใหม่)
2.สีบรอนซ์เงิน
3.สีบรอนซ์ทอง
4.สีเทาดำ
5.สีดำ
6.สีขาวไวท์เพิร์ล
ราคา Mitsubishi Lancer EX ใหม่
•Mitsubishi Lancer EX 1.8 MIVEC GLX ราคา 794,000 บาท
•Mitsubishi Lancer EX 1.8 MIVEC GLS-Limited ราคา 879,000 บาท (ภายในสีดำ)
•Mitsubishi Lancer EX 1.8 MIVEC GLS-Limited ราคา 879,000 บาท (ภายในสีเบจ)
•Mitsubishi Lancer EX 2.0 MIVEC GT ราคา 1,051,000 บาท
ทุกรุ่นสีขาวเพิ่มอีก 10,000 บาท เริ่มขาย 19 มีนาคม 2554 ที่โชว์รูมรถยนต์มิตซูบิชิ ทั่วประเทศ

06 กุมภาพันธ์ 2554

Tata จะเอาไงกับ Nano รถยนต์ราคาไม่เกินแสน

 การประกาศบุกตลาดในเมืองไทยเต็มตัวเป็นครั้งแรก ณ งาน Bangkok Motor Show
เมื่อปลายเดือนมีนาคม 2008 คือจุดเริ่มต้นของ ทาทา ในเมืองไทยอย่างเป็นทางการ
แม้ว่าจะเตรียมงานกันมาก่อนหน้านั้นถึง 2 ปีด้วยกัน แต่ ตลอดเวลา 2 ปีที่ผ่านมา
ดูเหมือนว่า ทาทาเอง ยังต้องเรียนรู้อีกมาก ในการพัฒนารถยนต์ ที่ถูกรสนิยมของคนไทย
เพราะรถกระบะ ซีนอน ที่ออกมาในช่วงแรกๆนั้น แม้จะมีจุดเด่นอยู่ที่เครื่องยนต์ DICOR
2,200 ซีซี แต่ให้กำลังสูงถึง 140 แรงม้า และมีระบบกันสะเทือนที่ทำได้ดีเมื่อเทืยบกับคู่แข่ง
แต่ด้วยมีปัญหามากมายนานับประการ ทั้งจากชิ้นส่วนในการประกอบของตัววรถเอง และ
ความไว้เนื้อเชื่อใจในผู้จำหน่าย กับบริการหลังการขาย ทำให้ การเริ่มต้นของ ทาทา
ยังไม่สู้ดีนัก แม้ในช่วงปลายปี จะกระตุ้นตลาดอีกครั้ง ด้วย เวอร์ชัน ติดตั้งระบบก๊าซ CNG
มาให้จากโรงงาน และเติมก๊าซได้อย่างเดียว ด้วยเครื่องยนต์ DICOR 2,100 ซีซี ลดกำลังลงเหลือ
115 แรงม้า รวมทั้ง ออกรถบรรทุกเล็กอย่าง ทาทา เอซ (ACE ในงาน มอเตอร์เอ็กซ์โป
แล้วก็ตาม แต่สถานการณ์ ก็ยังไม่ดีขึ้นมากนัก ขณะเดียวกันบริษัทแม่ในอินเดีย ก็เจอมรสุม
การประท้วง จนทำให้ ราทัน ทาทา นายใหญ่ ประกาศย้ายฐานการผลิต ทาทา นาโน รถคันจิ๋ว
แต่อัดแน่นด้วยเทคโนโลยีขั้นเทพ 20 กว่าสิทธิบัตร ของตน ไปไว้ในเมืองอื่น เพื่อยุติปัญหา
ความรุนแรง
ปี 2009 ที่ผ่านมา นอกจากจะเปิดตัว รถบรรทุกขนาด 1 ตัน ทาทา เอซ (ACE) ที่จะเอามา
ประกบกับ เกีย K2700 และ ฮุนได H-100 แล้ว ทาทา ก็แทบไม่มีรถยนต์รุ่นใหม่อื่นใดอีกเลย
ความเคลื่อนไหวที่เด่นชัดสุด คือการนำ Tata Nano รถเล็กสุดฮือฮา กับ 37 สิทธิบัตรนวัตกรรม
มาอวดโฉมในงาน Motor Expo ต้นเดือนธันวาคมที่ผ่านมา กระนั้น ก็ยังมีคำถามว่า รถรุ่นนี้
จะเอาเข้ามาผลิตขายในบ้านเรา ตามโครงการ ECO Car หรือเปล่า? เพราะ ทาทา เองก็ยื่นขอ
รับสิทธิพิเศษ ส่งเสริมการลงทุน รถยนต์ประเภทนี้ไปกับทางรัฐบาลแล้ว ที่ผ่านมา มีคำถาม
หยั่งกระแสกันในอินเตอร์เน็ตอยู่เรื่อยๆว่า ถ้านำ Tata Nano Europa อันเป็นเวอร์ชันส่งขาย
ยุโรป ที่มีมาตรฐานความปลอดภัยสูงกว่าเวอร์ชันอินเดียแท้ๆ มีถุงลมนิรภัยมาให้ฝั่งคนขับ
แต่เป็นดรัมเบรกทั้ง 4 ล้อ ขายในราคา 220,000 บาท คนไทยจะรับได้หรือไม่ ผลตอบกลับที่ได้
ส่วนใหญ่ก็คือ รถคันนี้ไม่ควรมีราคาเกิน 2 แสนบาท และอย่างน้อย ควรมีดิสก์เบรกหน้า
ได้แล้ว ไม่ใช่ดรัมเบรก 4 ล้อ ดังนั้น ประเด็นนี้ จึงยังคาราคาซังกันต่อไปน่าจะอีกอย่างน้อย 1 ปี
อย่างไรก็ตาม อีกกระแสข่าวฝั่งอื่น ต่างมองว่า ทาทา อาจจะกำลังซุ่มพัฒนารถยนต์ขนาดเล็ก
รุ่นใหม่ๆ ที่จะต้องเตรียมบุกตลาดโลก และหวังจะใช้เมืองไทย เป็นฐานการผลิตรถรุ่นใหม่
ซึ่งคาดว่าจะมีขนาดอยู่ในกลุ่ม ไม่เกิน Sub-Compact B-Segment ก่อนหน้านี้ มีเพียงข่าวที่ว่า
จะนำรถรุ่น Indica กับ Indico เครื่องยนต์ 1.4 ลิตร เข้ามาประกอบขาย ในเมืองไทย
แต่จนถึงตอนนี้ ยังไม่มีความเคลื่อนไหว ในประเด็นดังกล่าวออกมาชัดเจนเท่าใดนัก
มีเพียงแค่ การประกาศตัวแล้วว่า ในช่วงต่อจากนี้ จะพยายามเน้นวางจุดขายตัวเองเป็น
Commercial Vehicle Brand หรือเป็นแบนด์ที่มุ่งเน้นเจาะตลาดรถเพื่อการพาณิชย์ เป็นหลัก
จะสำเร็จลุล่วงไปได้แค่ไหนอย่างไร จะสนุกสนาน ไม่แพ้ หนังอินเดีย ที่แดนซ์ข้ามภูเขา
กันสนั่นทุ่ง หรือไม่ ยังต้องติดตามชมกันต่อไปอีกนาน

แต่วันที่ 2.2.2011 เห็น Tata Nano ป้ายแดงวิ่งแถว บางนาซอย ABAC ไม่รู้รถใครเอามาอวด